สิงหา รัชตมหาคุณ
สอบได้ลำดับที่ 1 เหล่าตำรวจ
สอบได้ลำดับที่ 2 เหล่าทหารบก
สอบได้ลำดับที่ 2 เหล่าทหารอากาศ
สอบได้ลำดับที่ 4 เหล่าทหารเรือ
สอบได้ลำดับที่ 3 เหล่าตำรวจน้ำ
แนวทางการเตรียมตัวสอบได้ลำดับที่ 2 เหล่าทหารบก
สอบได้ลำดับที่ 2 เหล่าทหารอากาศ
สอบได้ลำดับที่ 4 เหล่าทหารเรือ
สอบได้ลำดับที่ 3 เหล่าตำรวจน้ำ
ด้าน การเตรียมความพร้อมด้านจิตใจ
ผม (นายสิงหา) จะพูดถึงส่วนนี้เป็นส่วนแรก เพราะส่วนตัวผมเองคิดว่าจุดนี้เป็นจุดที่สำคัญที่สุด (ถ้าเปรียบการสอบเข้าเตรียมทหารเหมือนการสร้างบ้านหลังหนึ่ง การเตรียมจิตใจก็เหมือนกับการตอกเสาเข็ม สร้างความแข็งแกร่งให้กับตัวบ้าน) ส่วนตัวผมเองไม่ได้อยากเป็นเตรียมทหารเลยในตอนแรก แต่โชคดีมากที่ได้มีโอกาสย้ายมาเรียนที่โรงเรียนเบญจมราชูทิศ ราชบุรี เพราะที่นี่เพื่อนเกือบ 70% ล้วนไปสอบเตรียมฯกันทั้งนั้น ทีนี้พอสังคมมันห้อมล้อมตัวผมไปด้วยคนที่มีความฝันเดียวกันก็ทำให้หันมาสนใจและเริ่มจริงจังกับเส้นทางนี้มากขึ้นครับ (เริ่มจริงจังช่วงม.3) ตัวผมเองคิดว่าสิ่งหลักๆที่ควรมีในจิตใจคือ ผมคิดเสมอว่า “เราทำได้ทุกๆอย่าง ที่เราอยากจะทำ” และ “ไม่จำเป็นต้องหาเหตุผล (ข้ออ้าง) เวลาจะเริ่มทำอะไรสักอย่างหนึ่ง”
ก้าวที่ยากที่สุด (แต่ควรค่าแก่การทำที่สุด) คือก้าวแรกครับ ขอแค่เริ่มทำครับ... (คล้ายๆไลฟ์โค้ชแต่ไม่ใช่นะครับ 555)ปล. อีกอย่างที่ตัวผมยึดไว้เป็นหลักมาโดยตลอดเลยคือ “การพึ่งพาตนเอง” ครับ ให้พยายามด้วยตนเอง (ค้นหาทุกวิถีทาง) ให้ถึงที่สุดก่อนถ้าไม่ไหวจริงๆค่อยไปขอความช่วยเหลือจากคนอื่นครับ
ด้าน แนวทางการอ่าน
ตัวผมเน้นอ่านเองเป็นหลัก (80%) โดยเรื่องที่อ่านจะมีคุณพ่อคอยกำหนดเรื่องให้ในช่วงแรก (ม.1-ม.3) และไปเรียนพิเศษเพื่อดูแนวทางเรื่องที่ควรอ่าน และ สอบวัดผลกับคนจำนวนมาก (เหตุผลหลักที่เลือกมาเรียนที่ อ.ป๋องเพราะมีคนมาเรียนจำนวนมากและเกือบทั้งหมดมีเป้าหมายเดียวกันคือไปสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร) โดยเริ่มจากการปูพื้นฐาน (ดูคลิปสอนในอินเทอร์เน็ต) และเมื่อพอเข้าใจในพื้นฐานแล้วก็จะมาทำโจทย์ในหนังสือเพิ่มอีกเรื่องละ 100-200 ข้อครับ (ส่วนตัวชอบทำไปแต่ละเรื่องล้วนๆเลย เพราะเราจะเห็นโครงสร้างและกระบวนการคิดของโจทย์ปัญหาได้อย่างแตกฉาน ไม่เน้นทำโจทย์คละครับ) ส่วนด้านการเรียนพิเศษก็จะทำโจทย์ทุกๆข้อในชีทที่ได้มาจากที่กวดวิชาธณวรรณ ให้เคลียร์หมดทั้ง 100%(ตรงนี้ไม่ได้พูดเวอร์นะครับ ผมทำหมด 100% จริงๆในทุกๆข้อผมจะไม่เคยปล่อยผ่านครับ เพราะถือว่าเป็นแนวข้อสอบที่จัดมาให้โดยอ.ทุกๆท่านที่มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์สูง) โดยทำเองเท่าที่ทำได้ก่อน ส่วนข้อที่ทำไม่ได้ก็จะพยายามหาด้วยตนเองก่อนในทุกๆทาง (เช่น อินเทอร์เน็ต , หนังสือ …) ถ้าไม่ได้จริงๆก็จะไปถามอ.ครับ
ปล.ผมเน้น พยายามหาสนามสอบและไปสอบให้ครบทุกสนามที่เป็นไปได้ครับ (เพราะช่วยให้เคยชินกับการเตรียมตัวไปสอบสนามใหญ่ รวมถึงช่วยให้คุ้นชินกับสภาวะบรรยากาศที่กดดัน เหมือนเพิ่ม Exp. ไปในตัวครับ)
ด้านแนวทางการปฏิบัติในแต่ละวัน
ตารางการปฏิบัติคร่าวๆของผมที่ใช้มาตลอดจะประมาณนี้ครับ (ทำได้เหมือนตารางนี้ ประมาณ 80% ขยันมาก-น้อยไม่เท่ากันครับ ในแต่ละวัน ปล.ส่วนมากจะค่อนไปทางน้อยครับ 555)
วันธรรมดา (ไปโรงเรียน)
วันหยุด
ทำเหมือนตารางด้านบนครับ เปลี่ยนจากการนำหนังสือไปอ่านที่รร.เป็นอ่านตอนบ่าย (13.00-15.00น.) แทนครับ
วันธรรมดา (ไปโรงเรียน)
วันหยุด
ทำเหมือนตารางด้านบนครับ เปลี่ยนจากการนำหนังสือไปอ่านที่รร.เป็นอ่านตอนบ่าย (13.00-15.00น.) แทนครับ
ด้านการเตรียมความพร้อมด้านร่างกาย
ส่วนตัวชอบการออกกำลังกายอยู่แล้วครับ ช่วงที่ออกกำลังกายเลยเหมือนกับการพักผ่อนไปในตัวครับ ออกกำลังกายผมจะทำเกือบทุกวัน (หยุดอาทิตย์ละ 1-2 วัน) เน้นไปทางวิ่งเป็นส่วนใหญ่ครับ ส่วนวิธีการต่างๆ ผมจะค้นหาจากอินเทอร์เน็ตและหาเป็นภาษาอังกฤษ เป็นหลัก (เป็นการฝึกพัฒนาภาษาไปในตัวครับ) และส่วนใหญ่พอผมไปทุกวันๆ นานๆเข้าก็จะมีผู้ใหญ่ที่บางคนเป็นนักกีฬาบ้าง โค้ชบ้าง เข้ามาช่วยแนะนำครับ
ด้านแนวทางการทำข้อสอบ
ส่วนตัวคิดว่าข้อสอบแข่งขันไม่ได้เหมือนข้อสอบในโรงเรียน คือ ข้อสอบแข่งขันจะออกมาเพื่อคัดแยกเด็ก จึงต้องออกให้มีโครงสร้าง ข้อยาก-ปานกลาง-ง่าย ในตัวข้อสอบและออกให้ผู้เข้าสอบทำได้ไม่ทันในเวลาที่กำหนด ไม่ได้เหมือนข้อสอบของโรงเรียนที่ออกเพื่อเก็บคะแนน (ไม่โหดร้าย) ดังนั้นวิธีที่จะสอบติด จะไม่ใช่การทำข้อสอบให้ได้ครบทุกข้อ แต่มันคือการทำข้อสอบให้ได้มากที่สุดและถูกต้องที่สุดเท่าที่เราจะทำได้
ปล. ตัวผมเองคิดว่าใครได้วิชาที่ไม่ใช่ภาคคำนวณ (ภาษาอังกฤษ , ภาษาไทย , สังคม) จะได้เปรียบมากๆครับ เพราะเก็บคะแนนได้รวดเร็ว ทำให้เหลือเวลาไปคิดวิชาภาคคำนวณได้มากขึ้นครับ
แนวทางด้านบนเป็นแนวทางที่ผมใช้ในการเตรียมตัวสอบเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหารจริงๆ ผมอ่านเฉลี่ยวันละ 2 ชม.และเรียนพิเศษสัปดาห์ละ 1 วัน เน้นความสม่ำเสมอ ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีที่ผมคิดว่าเหนื่อยน้อยที่สุดแต่กลับมีประสิทธิภาพและประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากที่สุดครับ(ทำให้ผม ซึ่งเป็นคนที่เรียนรู้ได้ค่อนข้างช้า พัฒนามาได้ในระดับที่ถือว่าดีพอสมควร) แต่ก็อาจจะไม่เหมาะกับทุกๆคน เพราะแต่ละคนล้วนมีวิธีการของตัวเองดังนั้นขอให้ทุกๆคนที่ได้อ่านบทความนี้ อย่าเพิ่งเชื่อผมเพียงเพราะผมสอบติด แต่ผมอยากให้ลองนำวิธีนี้ไปปรับใช้ และลองพิจารณาด้วยตัวเองดูอีกครั้งนะครับ
ขอบคุณครับ
สิงหา รัชตมหาคุณ
13/07/63