รัฐศักดิ์ พิลาสุข
พลศึกษาเกือบเต็ม (รอบพลศึกษา)
ตัวจริงเหล่าทหารบก นตท.63
สวัสดีครับผมนาย รัฐศักดิ์ พิลาสุข ผมก็จะมาเล่าประสบการณ์ของผมก่อนที่ผมจะสอบติดเตรียมทหารนะครับเนื่องจากผมเกิดปลายปี 2545 ผมจึงมีโอกาสสอบได้แค่สองปี
เริ่มที่การสอบเตรียมทหารครั้งแรกของผมในปี 2562 ตอนนั้นผมก็ได้อยู่กับเพื่อนกลุ่มหนึ่งเห็นเพื่อนพากันแลกเปลี่ยนความรู้กันแต่ผมกลับไม่ได้ใส่ใจอะไรเนื่องจากคิดว่าตัวเองนั้นเก่งแล้วมีความมั่นใจในตัวเองเพราะเพียงแค่ตัวเองทำวิชาภาษาอังกฤษได้จนลืมคำนึงถึงวิชาอื่นๆแม้กระทั่งการออกกำลังกายผมก็แทบไม่ได้ออกเลยเพราะคิดว่าตัวเองก็ทำได้คิดว่าพละแค่นี้ง่ายนิดเดียวใครๆก็ทำได้ เมื่อถึงวันสอบผมก็เข้าไปนั่งทำข้อสอบแต่เมื่อได้เห็นข้อสอบผมก็ตกใจว่าทำไมวิชาคำนวณมันยากกว่าที่เราคิดทำไมไทย-สังคมมันอ่านแล้วงงไปหมดผมนั่งทำข้อสอบทั้งน้ำตามั่นใจแน่นอนว่าตัวเองไม่ติดซักเหล่าเลยพ่อแม่ถามผมว่า “ทำข้อสอบได้ไหมลูก” ผมก็ได้แค่ยิ้มแล้วบอกว่า “ทำได้สิ” แต่จริงๆแล้วมันไม่ได้เลยเมื่อผลการสอบออกมาปรากฏว่าผมไม่ติดซักเหล่าเลยจริงๆแต่เพื่อนในกลุ่มของผมนั้นติดกันเยอะมากซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกเจ็บใจมากที่เห็นเพื่อนของผมติดแต่ผมไม่ติดผมจึงได้รู้ว่าการที่ผมเก่งแค่วิชาภาษาอังกฤษวิชาเดียวแต่ไม่ได้วิชาอื่นเลยมันก็ไม่ทำให้เราติด ผมจึงบอกแม่ของผมให้พาผมไปซื้อหนังสือเรียนเพื่อเตรียมตัวสอบหลังจากที่ผมสอบไม่ผ่านในปีแรก ผมได้ตั้งเป้ากับตัวเองไว้ว่าจะเลิกจับโทรศัพท์และคอมพิวเตอร์จนกว่าจะสอบเสร็จ นอกจากนี้พ่อแม่ของผมยังให้ผมเรียนพิเศษในวิชาที่ผมไม่ถนัดซึ่งวิชาที่ผมไม่ถนัดก็จะเป็นวิชาคำนวณ จากที่ผมทำคณิตไม่ได้ไม่รู้แม่กระทั่งสูตรง่ายๆของวิชาฟิสิกส์หรือไม่รู้อะไรเกี่ยวกับวิชาไทย-สังคมเลย ผมก็เริ่มเก็บเกี่ยวความรู้โดยการตั้งใจเรียนให้มากกว่าเดิมใช้เวลาเรียนให้มากกว่าเมื่อก่อนแล้วนอกจากนี้ผมก็ยังออกกำลังกายทุกวันในเวลาตอนเช้าและตอนเย็นอย่างสม่ำเสมอเพราะว่าถ้าหากว่าเราสอบรอบแรกเข้าไปได้แล้วพละทำไม่ดีเลยเวลาที่เราเสียไปในการเตรียมตัวเพื่อสอบนรอบแรกก็ไร้ค่า แล้วผมก็ทำตารางเวลาว่าเวลาไหนควรทำอะไร ผมทำแบบนี้ไปเรื่อยๆเป็นเวลาหนึ่งปี เมื่อเวลานั้นมาถึงเวลาที่ผมต้องไปสอบเพื่อเป็นนักเรียนเตรียมทหารแต่ผมก็ยังมีความไม่มั่นใจในตัวเองและคิดว่าตัวเองยังมีความรู้ไม่พอเลยด้วยซ้ำ เมื่อการสอบสองเหล่าแรกผ่านไปปรากฏว่ามีโรค Covid-19 ระบาดพอดีการสอบจึงถูกเลื่อนไปเป็นเดือนแต่ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดี ในช่วงเวลาเป็นเดือนที่การสอบถูกเลื่อนผมได้นั่งอ่านหนังสือทำโจทย์ทั้งวันทั้งคืนและพยายามเก็บพละในสถานีที่ตัวเองไม่ได้จากที่วิ่งได้เวลามากก็เริ่มลดลงจากที่ว่ายน้ำได้เวลามากก็เริ่มลดลงจากที่ดึงข้อได้เพียง4-5ทีก็กลายเป็น15ทีผมใช้เวลาที่เหลืออันน้อยนิดนี้พัฒนาตัวเองไปทีละนิด เมื่อการสอบสองเหล่าสุดท้ายมาถึงซึ่งก็คือเหล่าทหารอากาศและเหล่าในฝันของผมนั่นก็คือเหล่าทหารบกเมื่อสอบเสร็จแม่ก็ถามผมแบบเดิมว่า “ทำข้อสอบได้ไหมลูก” ผมก็ตอบแม่ไปเหมือนเดิมว่า “ได้ครับ” แบบไม่มั่นใจเล็กน้อย เมื่อวันประกาศผลมาถึงผมนอนไม่หลับผมรอลุ้นว่าจะติดหรือเปล่าในใจผมคิดว่า “คืนนี้จะเป็นคืนที่ตัดสินชีวิตของผม” เมื่อผลออกมาครบทุกเหล่าแล้วผมดูทุกเหล่ายกเว้นเหล่าทหารบกปรากฏว่าสามเหล่าแรกผมไม่ติดเลย ผมกลัวมากไม่กล้าเปิดดูผลประกาศเหล่าสุดท้าย ผมจึงได้นั่งทำสมาธิตั้งสติเล็กน้อยแล้วเปิดดูผลเหล่าสุดท้ายสรุปว่าผมติด แต่!! อยู่ที่ไกลมากๆ คนอื่นๆเมื่อเห็นลำดับของตัวเองอยู่ไกลก็มักจะรู้สึกท้อแท้แล้วคิดว่าตัวเองไม่ติดแน่นอน แต่สำหรับผมนั้นผมกับรู้สึกดีใจแล้วคิดว่าการที่เรามีชื่อในรอบแรกได้นั้นแปลว่าเรามีโอกาสที่จะติดในรอบสองถ้าโอกาสที่จะติดรอบสองนั้นเป็น 0 เค้าคงจะไม่ใส่ชื่อเราในรอบแรกแน่นอน หลังจากนั้นอีกไม่กี่วันการสอบรอบสองก็มาถึง สัมภาษณ์ผ่านไป ตรวจร่างกายผ่านไป วันสุดท้ายคือการสอบพละ ผมทำอย่างสุดความสามารถ เมื่อสอบเสร็จผมก็กลับบ้านมารอลุ้นผลในรอบสองกับพ่อแม่ และแล้ววันที่รอคอยก็มาถึงวันที่ประกาศผลการสอบรอบสองซึ่งผมก็ได้ติดตัวจริง ซึ่งก็เป็นโชคดีของผมที่ผมได้เรียน ร.ด.แล้วพ่อของผมก็ยังรับราชการจึงทำให้ผมมีคะแนนเสริมซึ่งช่วยผมได้มากเลยทีเดียวเพราะลำดับของผมในรอบแรกไกลมากผมเชื่อว่าหากผมไม่มีคะแนนช่วยนี้ผมก็คงไม่ได้ติดตัวจริงแน่นอน ก็ขอแนะนำว่าทุกๆคนที่อยากจะสอบเป็นนักเรียนเตรียมทหารควรเรียน ร.ด. นะครับเพราะมันช่วยเราได้จริงๆ
สิ่งที่อยากจะบอกคือ
“เราไม่ควรย่อท้อแม้ว่าเราจะด้อยกว่าคนอื่นมันขึ้นอยู่กับตัวเราเองที่จะสร้างอนาคตของตัวเองและทำให้ฝันของตนเองเป็นจริงได้”