ผู้บริหารโรงเรียนกวดวิชาธนวรรณ
พ.อ.ดร.ป๋อง คำอาจ  

         ในปี 2556  นักเรียนและผู้ปกครองหลายท่านอยากทราบทิศทางของโรงเรียนกวดวิชาธนวรรณว่าจะขยับตัวไปในทิศทางใด ในท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยต่างๆ ซึ่งมีหลายปัจจัยที่คาดเดาได้ยาก แต่ละปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงเป็นตัวแปรที่ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางการศึกษาที่มีการดำเนินการในโรงเรียนกวดวิชาธนวรรณ  ผู้บริหารของโรงเรียนจะแก้ปัญหาหรือมีแนวทางพัฒนาอย่างไรที่จะทำให้มีผลกระทบต่อนักเรียน ผู้ปกครอง และองค์กรน้อยที่สุด ทางฝ่ายสารสนเทศได้สัมภาษณ์ผู้บริหารโรงเรียนกวดวิชาธนวรรณเมื่อ 15 ธ.ค.2555 และได้ข้อมูลสรุปที่สำคัญดังนี้

คำถาม  :   สวัสดีครับอาจารย์  ไม่ ได้ลงบทสัมภาษณ์ให้เด็กๆและผู้ปกครองมานานพอสมควรนะครับ มีผู้ปกครองจำนวนมากอยากทราบว่าสถานภาพการดำเนินการของโรงเรียนกวดวิชาธนวรรณที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้างครับ  มีงานอะไรที่สำเร็จและงานอะไรที่ยังทำไม่สำเร็จตามเส้นทางที่ท่านอาจารย์วางวิสัยทัศน์เมื่อ 4-5 ปีก่อนหน้านี้

คำตอบ :   ช่วงนี้อาจารย์ต้องไปเรียนเพิ่มเติมที่วิทยาลัยการทัพบก กรุงเทพมหานคร จนถึงตุลาคม 2556  งานเลยค่อนข้างมากหน่อย แต่อย่างไรก็ตามในเวลาหลังเลิกเรียน อาจารย์ก็ยังเตรียมงานให้นักเรียนที่มาเรียนในโรงเรียนกวดวิชาธนวรรณอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ   จากวิสัยทัศน์ รวมทั้งเป้าหมายต่างๆ ที่อาจารย์ในฐานะผู้บริหารวางไว้ และพยายามดำเนินการไปตามทิศทางที่วางไว้ด้วยแนวคิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่องหรือวงจร PDCA  ที่มีการยกระดับวงจรทุกปี  จากการรวบรวมข้อมูลใน 5 ปีที่ผ่านมา อาจารย์สามารถสรุปงานที่ประสบผลสำเร็จได้ดังนี้

1. ผลสัมฤทธิ์ขององค์กร
            1.1 ด้านจำนวนนักเรียนที่สอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารได้
                        จากการเก็บรวบรวมข้อมูลผลการทดสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารรอบที่ 1 พบว่าร้อยละของการสอบผ่านรอบแรกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอด 5 ปีที่ผ่านมา และ จากการสำรวจของโรงเรียนเตรียมทหาร พบว่านักเรียนที่เข้ามาเรียนส่วนใหญ่มีการเตรียมตัวโดยกวดวิชามาก่อน ซึ่งโรงเรียนกวดวิชาธนวรรณมียอดนักเรียนที่สอบติดไปเรียนอยู่ในอันดับ 1 ของปี 53-54-55 และมีการเผยแพร่ข้อมูลตามเว็บไซต์ต่างๆซึ่ง สามารถสืบค้นได้
            1.2 ด้านคุณธรรมจริยธรรมของนักเรียน
                        ด้วยระบบและกลไกในการสร้างเงื่อนไขให้นักเรียนปฏิบัติตามกฏระเบียบซึ่งเป็นพื้นฐานของการเป็นนักเรียนทหาร  เช่น เป็นผู้ที่ประพฤติดี ไม่เกเรฯ  ทางสถาบันจะให้สิทธิ์เรียนคอร์สสำคัญๆได้  ถึงแม้จะทดสอบความรู้พื้นฐานของสถาบันไม่ผ่านเกณฑ์
                    - อัตราส่วนการหนีเรียนในห้วงเสาร์-อาทิตย์ เพื่อไปเล่นเกมส์ไม่ถึงร้อยละ 1  
                    - อัตราส่วนของหายของนักเรียนไม่ถึงร้อยละ1  
                    - การทะเลาะเบาะแว้งภายในโรงเรียนเป็นศูนย์    
                    - ความไม่ตั้งใจเรียนของห้องท้ายๆลดลงเหลือไม่ถึงร้อยละ 3   
                    - อัตราส่วนของเด็กที่ก้าวร้าวไม่เชื่อฟังครู  หรือกวนครูเหลือไม่ถึงร้อยละ1

2. ด้านหลักสูตร
           2.1 สามารถสร้างระบบที่สอดคล้องกับทฤษฎีการบริการศึกษา  มีระบบคัดเลือก นักเรียน ซึ่งเดิมมีหลักสูตรเดียวคือหลักสูตรเข้าแคมป์เตรียมทหารเดือนมีนาคม  แต่ปัจจุบันทางสถาบันสามารถจัดหลักสูตรให้มีการสอบคัดเลือกเพิ่มเป็น 3 หลักสูตรคือ  หลักสูตรเข้าเแคมป์ตรียมทหารเข้าเดือนมีนาคม /เดือนเมษายน /และ เดือนตุลาคม
           2.2  มีการประเมินหลักสูตรทั้ง  10 หลักสูตรโดยพิจารณาจากจำนวนนักเรียนที่เข้ามาเรียนทุกหลักสูตร พบว่าหลักสูตร  ม.1 – ม.6  เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง    หลักสูตร เตรียมทหาร  5  หลักสูตร มียอดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนต้องมีระบบการจัดสอบ 3 หลักสูตรดังกล่าว
           2.3 มีการพัฒนาหลักสูตรเพื่อรองรับการเปิดประตูสู่อาเซียน ซึ่งนักเรียนจะต้องมีการใช้ภาษาอังกฤษอย่างมาก  โดยนำร่องจัดสอบเพิ่มเติมในภาษาอังกฤษให้กับทุกหลักสูตรอย่างน้อย 3 ครั้ง เพื่อให้นักเรียนตระหนักถึงภาษาอังกฤษที่จะต้องใช้ในอนาคต

3. ด้านบุคลากร
           3.1  ครู  แบ่งออกเป็น (1) ครูที่สอนกับทางสถาบันมาอย่างต่อเนื่องทั้งที่เป็นพลเรือนและทหาร  (2) ครูพิเศษจากเหล่าทัพที่มาสอนเป็นบางช่วง    ซึ่งส่วนใหญ่ครูที่สอนกับทางสถาบันจะเป็นครูที่สอนมาอย่างต่อเนื่องทุกคอร์ส จนเกิดเป็นค่านิยมที่ทุ่มเทให้กับองค์กร ทุ่มเทให้กับนักเรียนจนนำไปสู่ความสำเร็จ
           3.2  ส่วนสนับสนุน   ทางสถาบันได้รับนักศึกษาหญิงที่กำลังศึกษาในมหาวิทยาลัยเข้ามาช่วยงานธุรการและช่วยสนับสนุนการสอน ส่วนใหญ่เคยเรียนในระดับ ม.4-6 ของโรงเรียนกวดวิชาธนวรรณมาก่อนหน้า   ซึ่งเมื่อจบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยจึงได้บรรจุเข้าทำงานประจำโดยปัจจุบันมี 3 คน ส่วนอื่น ๆ เช่น พนักงานทำความสะอาด พนักงานจัดการจราจรเพื่อพาเด็กข้ามถนนและขึ้นรถโดยสารกลับบ้าน  ทุกส่วนล้วนเป็นผู้ที่อยู่ในพื้นที่ เพื่อเป็นการสร้างงานให้กับคนในชุมชนโดยรอบ

4. ด้านโครงสร้างพื้นฐาน
          ทางสถาบันได้สร้างอาคารและปรับปรุงสภาพแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง  รวมทั้งการถมพื้นที่คลอง(โดยวางท่อตามระเบียบของทางหลวง)ด้านหน้าโรงเรียน เพื่อให้ความสะดวกของผู้ปกครองในการมาติดต่อรับบุตรหลานที่มาเรียน และได้ปรับเปลี่ยนโต๊ะ-เก้าอี้สำหรับนั่งเรียนเพื่อความสะดวกสบายขึ้น

5. ด้านสารสนเทศ
         ทางสถาบันได้พัฒนาเว็บไซต์และได้เปลี่ยนชื่อเป็น www.drpongtutor.com  ซึ่งเป็นรูปแบบใหม่ที่แก้ปัญหาในกรณีที่ผู้ปกครองเปิดดูผลสอบพร้อมกันจำนวนมาก   เว็บไซต์ตัวใหม่นี้ได้ดำเนินการเปิดสู่สาธารณชนในวันที่ 25 ธ.ค.55 เพื่อเป็นการทดสอบระบบไม่ให้เกิดการขัดข้องระหว่างเปิดใช้งานในห้วงต่างๆ 

6. ด้านกระบวนการเรียนการสอน
         ทางสถาบันยังคงใช้วงจร PDCA  อย่างต่อเนื่องในการจัดกระบวนการเรียนการสอน   นอกจากนี้ยังพยายามสร้างแนวทางที่จะให้นักเรียนได้รับความรู้อย่างเท่าเทียมกัน  เสมอภาคกัน  นักเรียนที่มีพื้นฐานการเรียนไม่ดี ทางสถาบันก็พยายามที่จะจัดเนื้อหารและกระบวนการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับพื้นฐานนักเรียน โดยทางสถาบันพยายามที่จะกำชับครูอยู่เสมอ  ผู้บริหารการศึกษาพยายามวิเคราะห์ข้อมูลและวินิจฉัยแนวทางการแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่อง  นอกจากนี้ยังพยายามที่จะพัฒนาระบบวัดผลเป็นการเรียนรู้โดยสร้างสมประสบการณ์ ใช้ระบบการย้ำคิดย้ำทำ จนกลายเป็นประสบการณ์เริ่มต้นที่จะสร้างแรงบันดาลใจในการเรียนรู้ของนักเรียนที่มีพื้นฐานไม่ดี  นอกจากนี้ทางสถาบันยังพยายามใช้หลักการทางสถิติในการพยากรณ์ผลการทดสอบของนักเรียนให้ผู้ปกครองเกิดความเชื่อมั่น  และรู้ข้อบกพร่องของเด็ก เพื่อจะได้นำไปแก้ไขในการเรียนรู้เป็นรายวิชาที่นักเรียนอ่อน  กระบวนการเรียนการสอนโดยใช้ทฤษฎีการเรียนรู้แบบการสร้างสมประสบการณ์จะทำให้นักเรียนมีการพัฒนาการการเรียนรู้ทั้งระยะสั้น และระยะยาว

7. ด้านประกันคุณภาพการศึกษา
        ทางสถาบันได้ปฏิบัติตามระบบคุณภาพของคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาในส่วนของ โรงเรียนเอกชนนอกระบบ ประเภทโรงเรียนกวดวิชา  และ ได้ผ่านการประเมินคุณภาพรอบที่สองจากคณะกรรมการประเมินคุณภาพจากกระทรวงศึกษาธิการ เกณฑ์อยู่ในระดับดีมากทุกตัวบ่งชี้ และได้ประกาศนียบัตรในวันที่ 22 ธ.ค.2555  ที่ผ่านมา (รอบแรก รับในปี 2552)

คำถาม  : แล้วอาจารย์จะพัฒนาระบบการศึกของโรงเรียนกวดวิชาธนวรรณในช่วงทศวรรษหน้าอย่างไร  เพราะจะมีการเปลี่ยนแปลงปัจจัยแวดล้อมต่างๆจำนวนมาก เช่น การเปิดประตูสู่อาเซียน  ที่จะต้องกระทบกับนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ และจะส่งผลกระทบกับการอยู่รอดของโรงเรียนกวดวิชาธนวรรณ  อาจารย์จะวางยุทธศาสตร์ในการดำเนินการอย่างไรครับ

คำตอบ :  จากที่อาจารย์ได้ศึกษาเกี่ยวกับปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการศึกษาไทยหลังจากที่มีการเปิดประตูสู่อาเซียนในปลายปี 2558  พบว่าเสาหลักที่เกี่ยวเนื่องกันมี 3 เสาหลักสำคัญคือ ด้านการเมืองและความมั่นคง   ด้านเศรษฐกิจ และ ด้านสังคมและวัฒนธรรม  ในส่วนของการศึกษาจะอยู่ในส่วนของเสาหลักด้านสังคมและวัฒนธรรม และ เสาหลักด้านเศรษฐกิจ    ปัจจัยที่จะส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของคนไทยคือ  มีการค้าเสรี  มีการเคลื่อนย้ายแรงงานที่มีฝีมืออย่างเสรี   การศึกษาเราจะอยู่ในส่วนของภาคการบริการอย่างเสรี  การเปิดเสรีการค้าบริการด้านการศึกษา หมายถึง การให้สิทธิ์คนไทยและคนต่างชาติอย่างเท่าเทียมกันในการเป็นผู้ให้บริการด้านการศึกษา  แต่รัฐยังสามารถควบคุมกำกับดูแลคุณภาพและมาตรฐานการเรียนการสอนได้  สิ่งที่จะส่งผลกระทบต่อโรงเรียนกวดวิชาธนวรรณ คือ การปิด เปิดโรงเรียนในทุกระดับชั้นที่จะให้คล้ายกันในทุกประเทศของอาเซี่ยน    นักลงทุนด้านการศึกษาโดยเฉพาะด้านภาษา จะไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่องและอย่างมาก  การแข่งขันทางด้านโรงเรียนนอกระบบจะรุนแรงมากยิ่งขึ้น    ส่วนในประเด็นที่ว่าทางผู้บริหารของโรงเรียนกวดวิชาจะวางยุทธศาสตร์ในการปรับตัวเพื่ออยู่รอดอย่างไรนั้น   
            สิ่งแรกที่จะต้องทำคือ ยังคงสภาพแนวคิด การพัฒนาทุกด้านให้มีคุณภาพอย่างต่อเนื่อง   ยุทธศาสตร์แรกที่จะต้องดำเนินการคือ  การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ปรับสภาพอาคารและสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการเรียนรู้ที่ทันสมัยในยุค 3-5G  การพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการด้านเทคโนโลยีต้องให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นยังคงสภาพ ปรัชญา “ การพัฒนาความรู้  คู่วินัย ใฝ่คุณธรรม “  เพราะอาจารย์มองว่า การเปิดประตูสู่อาเซียนนั้นทุกองค์กรในทุกประเทศต้องการคนที่มีระเบียบวินัย  ทำงานตามหน้าที่  มีคุณธรรมด้านความซื่อสัตย์ต่อองค์กร  ดังนั้น  ถ้านักเรียนมีคุณสมบัติพร้อมคือทั้งความรู้  ระเบียบวินัย และ คุณธรรม รับประกันได้ว่านักเรียนได้งานดีๆและเงินเดือนสูงอย่างแน่นอน  แต่ถ้านักเรียนมีแต่ความรู้  แต่ขาดระเบียบวินัย ขาดความรับผิดชอบ ขาดความซื่อสัตย์  บริษัทต่างๆย่อมไม่ต้องการที่จะจ้างนักเรียนแน่นอน   นอกจากนี้การสื่อสารด้านภาษาของนักเรียนจะต้องพัฒนาขึ้น ทางสถาบันจะพยายามปรับปรุงหลักสูตรด้านภาษาอังกฤษให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น   นอกจากนี้ทางโรงเรียนกวดวิชาธนวรรณยังได้วางยุทธศาสตร์ในการเตรียมบุคลากรเช่นครูและส่วนสนับสนุนให้เตรียมพร้อมในอนาคต   นอกจากนี้การสร้างค่านิยมร่วมตามแนวคิดทุกคนมีส่วนร่วม อาจารย์ก็ยังคงพยายามที่จะดำเนินการต่อไปอย่างต่อเนื่อง   ที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ การสร้างสภาพความเท่าเทียมกันทางการศึกษาให้กับนักเรียนที่มาจากครอบครัวทุกสาขาอาชีพให้เสมอภาคกันมากที่สุดเท่าที่จะทำได้  นอกจากนี้ การสร้างอาชีพให้ประชาชนรอบโรงเรียน มีงานทำ และสร้างความจริงใจในการพัฒนาชุมชนรอบโรงเรียน จะทำให้โรงเรียนกวดวิชาธนวรรณมีภูมิคุ้มกันหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นภัยคุกคามจากยาเสพติด  ภัยคุกคามจากสิ่งอบายมุข เป็นต้น    การเคลื่อนตัวไปตามเวลาที่มีการเปลี่ยนแปลง เพื่อคงสภาพสังคม คงสภาพคุณลักษณะนักเรียน  คงสภาพคุณภาพการศึกษา นั้น ทางผู้บริหารโรงเรียนยังเชื่อมั่นในระบบที่ทางสถาบันได้วางไว้อย่างมั่นคงทุกด้าน

คำถาม  :  อาจารย์มีแนวทางการแก้ปัญหา กลุ่มนักเรียนที่ทดสอบแล้วคะแนนยังขึ้นไม่มากอย่างไรบ้างครับ

คำตอบ :   ทีมงานได้ทำการวิเคราะห์ประเด็นปัญหาอยู่ตลอดเวลา มีนักเรียนประมาณร้อยละ 20 ที่คะแนนยังต่ำกว่าเกณฑ์ (เกณฑ์คะแนนประมาณร้อยละ 40)
        ปัญหาแรกที่เราพบคือ  การที่นักเรียนมาเรียนไม่ต่อเนื่องเป็นสาเหตุสำคัญทั้งนี้เพราะว่าที่โรงเรียนในระบบที่นักเรียนในปัจจุบันมีกิจกรรมวันเสาร์ – อาทิตย์  หรืออาจมีกิจกรรมรายวิชาที่ต้องใช้เวลาในห้วงเสาร์-อาทิตย์  แต่ทางโรงเรียนกวดวิชาธนวรรณมีการเปิดเรียนเสาร์-อาทิตย์ ไม่มีวันหยุด ประเด็นความรู้ที่ใช้ทดสอบทางสถาบันได้ใช้ฐานความรู้ตั้งแต่ ม.1-ม.3 ที่เรียนปัจจุบัน เนื้อหาบางส่วนนักเรียนกลุ่มนี้อาจจะไม่ได้เรียนจึงทำข้อสอบไม่ได้ในทุกรายวิชา
        ปัญหาที่สอง  คือพื้นฐานนักเรียนด้านการคำนวณและภาษาอังกฤษอ่อนมาก  นักเรียนจะมีความเข้าใจในสิ่งที่ฟังแต่ไม่สามารถแก้ปัญหาโจทย์เลขได้  นอกจากนี้โจทย์ฟิสิกส์นักเรียนก็แก้ปัญหาไม่ได้เพราะที่โรงเรียนสอนเฉพาะพื้นฐานแต่ตอนออกข้อสอบเขาออกเกินหลักสูตร  ด้านภาษาอังกฤษ นักเรียนต่างจังหวัดส่วนมากจะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้อต่อการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ จึงมีพื้นฐานในการใช้ไม่ต่อเนื่อง และก็ลืมไปในที่สุด  อาจารย์เองบางครั้งไม่ใช้ยังลืมเลย
        ปัญหาที่สาม คือนักเรียนบางส่วนไม่สนใจเรียนเท่าที่ควร อาจจะยังมีเป้าหมายในการสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารที่ยังไม่ชัดเจน  แต่พ่อแม่ต้องการให้สอบ  ดังนั้นความต้องการต่างกันจึงพบกันครึ่งทางคือมาเรียนแต่ไม่สนใจมากนัก
        ปัญหาที่สี่ คือ ภัยคุกคามจากเครื่องมือสื่อสาร ได้แก่มือถือ  Iphone   Ipode  Ipad  เป็นต้น นักเรียนบางส่วนมีความสนใจการสื่อสารระหว่างเรียนมากกว่า ดังนั้น ความรู้ที่อาจารย์ถ่ายทอดให้ จึงเหลืออยู่ในสมองไม่มากนัก
        ส่วนการแก้ปัญหาของโรงเรียนกวดวิชาธนวรรณ นั้น ทางเราก็แก้ปัญหาโดยการมีนโยบายการศึกษาแบบคู่ขนาน ได้แก่นักเรียนเรียนที่โรงเรียนใช้การเรียนการสอนแบบสร้างสมประสบการณ์ ครูเป็นผู้เฉลยข้อสอบและเพิ่มเติมเนื้อหาไปคราวละเล็กละน้อย คู่ขนานกับ การเรียนรู้เพิ่มเติมโดยใช้แบบทดสอบเป็นฐานโดยผู้ปกครองไปหาเรียนเพิ่มเติมเป็นรายวิชา ช่วยสอนในหัวข้อที่ไม่เข้าใจในแบบทดสอบ   นอกจากนี้ยังออกกฏระเบียบภายในองค์กรเกี่ยวกับการห้ามใช้เครื่องมือสื่อสารระหว่างเรียน  พัฒนากระบวนการคัดเลือกเข้าคอร์สสำคัญจากกระบวนการทดสอบ คือ ตุลาคม  มีนาคม และ เมษายน ที่ทางสถาบันรับจำกัด  นอกจากนี้กระบวนการอบรมโดยฝ่ายปกครอง ที่แทรกแนวคิดในการเป็นนักเรียนเตรียมทหารก็มีการอบรมอย่างต่อเนื่องโดยพี่เอ็มและครูปกครองคนอื่นๆ   ส่วนการพัฒนาความรู้ด้านภาษาอังกฤษ เราพยายามที่จะพัฒนาสภาพแวดล้อมให้เป็นศัพท์ภาษาอังกฤษก่อน โดยใช้การเรียนรู้จากป้ายต่างๆ ในบริเวณพื้นที่ที่เราสามารถติดป้ายได้  รวมทั้งการสนทนาที่มีการใช้อยู่สม่ำเสมอ  สภาพปัญหาที่ติดตัวกับนักเรียนที่มีสถานภาพและสภาพแวดล้อมทางครอบครัวต่างกัน การแก้ปัญหาก็ยากต่างกัน แต่อย่างไรก็แล้วแต่ทางทีมงานกวดวิชาธนวรรณก็พยายามที่จะพัฒนาวิธีการแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่อง

คำถาม : ตลอด 5 ปีที่ผ่านมาทางโรงเรียนกวดวิชาธนวรรณเราประสบผลสำเร็จมากพอสมควร ที่สำคัญผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นสัมพันธ์กับเป้าหมายที่วางไว้ใน 4-5 ปีที่ผ่านมา อยากทราบว่าท่านอาจารย์มีวิสัยทัศน์และแนวทางในการพัฒนาองค์กรต่อไปใน 5 ปีข้างหน้าอย่างไรครับ เพราะหลายฝ่ายเกรงว่าการขึ้นถึงจุดที่สูงสุดแล้ว การรักษาตำแหน่งนั้นไว้มันยากมากๆนะครับ

คำตอบ : ถ้าจะวิเคราะห์กันแล้ว โรงเรียนกวดวิชาธนวรรณ ยังเคลื่อนตัวไม่ถึงจุดหมายปลายทางที่ต้องการแม้แต่ข้อเดียว การดำเนินการในแต่ละองค์ประกอบให้สมบูรณ์นั้นค่อนข้างยาก แต่อย่างไรก็แล้วแต่ ทางผู้บริหารเองจะปรับปรุงวิสัยทัศน์ให้สอดคล้องกับปัจจัยภายนอกที่เปลี่ยนแปลงไป ที่สำคัญคือ การเปิดประตูสู่อาเซียน  การเปลี่ยนแปลงนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการที่เกี่ยวกับโรงเรียนเอกชนนอกระบบ รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงแนวทางการสอบเข้าของโรงเรียนเหล่าทัพต่างๆ นอกจากนี้จะเน้นไปที่การรักษาวินัยของนักเรียน  คุณธรรมจริยธรรม และการมีความรู้ของเด็กนักเรียน โดยปรับปรุงด้านกระบวนการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป พยายามรักษาความสมดุลระหว่างสิ่งที่ควรธำรงไว้กับสิ่งใหม่ที่น่าสนใจมากกว่า การจัดกระบวนการเรียนการสอนในอนาคตจะยากขึ้นเรื่อยๆ เพราะจะต้องเตรียมครูให้เหมาะสมกับกระบวนการที่เปลี่ยนแปลงไปด้วย   ทางผู้บริหารเองจึงต้องสร้างครูรุ่นใหม่ขึ้นมาโดยอาศัยศิษย์เก่าและทำการอบรมแนวทางการสอนในกระบวนการใหม่ที่ทางสถาบันพยายามที่จะออกแบบขึ้นมาในอนาคตที่จะถึงนี้  สรุปโดยรวมก็คือ การธำรงไว้ตามปรัชญาทางการศึกษาของสถาบันคือ  พัฒนาความรู้ คู่วินัย ใฝ่คุณธรรม  และการพัฒนากระบวนการเรียนการสอนที่ให้สัมพันธ์กับปัจจัยทางเทคโนโลยี  ทางสังคม  ทางการเมือง และ ทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป ด้วยการเตรียมคน กระบวนการ และหลักสูตรให้พร้อม เพราะทางสถาบันเชื่อว่า ถ้านักเรียนมีความรู้ มีวินัย และมีคุณธรรม นักเรียนจะไม่มีวันที่จะตกงาน มีแต่ความเจริญก้าวหน้า เพราะบริษัท และหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนขาดแคลนคนที่มีความรู้  คู่วินัย ใฝ่คุณธรรม  วิสัยของโรงเรียนกวดวิชาธนวรรณในห้วงปี 2556 – 2560 คือ  รักษาปรัชญา พัฒนากระบวนการ และ สานต่อระบบคุณภาพ  จากนี้ไปทีมงานทั้งหมดจะร่วมมือร่วมใจกันอีกครั้งในการพัฒนาระบบการศึกษาในการสร้างเด็กและเยาวชนภายใต้ความเท่าเทียมกันทางการศึกษา เราเชื่อว่าในอนาคต คนที่มีความรู้  มีวินัยความรับผิดชอบ และ มีคุณธรรมจริยธรรมที่บริษัทห้าวร้านไว้ใจได้ คนเหล่านั้นจะไม่มีวันตกงานมีแต่ความเจริญรุ่งเรือง

คำถาม : ปี 2556 หรือ 2013  อาจารย์จะมีอะไรอวยพรให้นักเรียน ผู้ปกครอง ครูและบุคลากรทุกคน บ้างครับ

คำตอบ : ในศุภวารดิถีขึ้นปีใหม่ ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย จงดลบันดาลให้ท่านพร้อมครอบครัว ประสบแต่ความสุขด้วยจตุรพิธพรชัย สมบูรณ์พูนผลในสิ่งที่พึงปรารถนาทุกประการ  ในส่วนของนักเรียนที่จะสอบในปีนี้ ขอให้หัวสมองของนักเรียนเต็มไปด้วยความรู้ และสามารถนำความรู้เหล่านั้นไปแก้ปัญหาในห้องสอบจนสามารถสอบได้ในสิ่งที่นักเรียนปรารถนากันทุกคน
ในส่วนของนักเรียน อาจารย์ขอให้คำนึงถึงการปฏิบัติตลอดปี 2556 ที่สำคัญคือ
        1. ปรับสภาพตนเองให้รู้จักความรับผิดชอบในปัจจุบันได้แก่ ด้านการเรียนหนังสือ ภายใต้กรอบในการควบคุมตนเองคือ การมีวินัยและซื่อสัตย์ต่อตนเอง
        2. รู้จักวางแผนงานในหน้าที่นั้น
        3. ลงมือทำแบบจริงจัง สิ่งใดที่ยังไม่สำเร็จให้ปรับปรุงให้ดีขึ้น
        4. รักษาสมดุลของชีวิต คือ การเรียน  การเงิน  งานอดิเรก และ การช่วยเหลือพ่อแม่ภายในครอบครัว
           นักเรียนปฏิบัติตามพื้นฐานนี้ ในอนาคตนักเรียนจะประสบผลสำเร็จในชีวิตแน่นอน และนักเรียนจะไม่มีวันตกงาน ถึงแม้จะมีการเปิดประตูสู่อาเซียนที่มีการแข่งขันศักยภาพของคนในอาเซียน เพราะในสังคมปัจจุบัน ทุกองค์กรในประเทศเราขาดแคลน คนที่รู้จักหน้าที่  ความรับผิดชอบ ความรู้และ ความมีวินัยในตนเอง

จบการสัมภาษณ์